วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แทร็ก 6/19 (4)


พระอาจารย์
6/19 (550102C)
(แทร็กชุดต่อเนื่อง
2 มกราคม 2555
(ช่วง 4)


(หมายเหตุ :  ต่อจากแทร็ก 6/19  ช่วง 3

พระอาจารย์ –  แต่ถ้าไม่เห็นธรรมที่แท้จริง จะเป็นผู้เบียดเบียนและลบหลู่ธรรม ...เข้าไปลบหลู่ธรรม เข้าไปเบียดเบียน 

รับรู้ทุกสิ่งด้วยความไม่เคารพในธรรม ไม่อ่อนน้อมต่อธรรม เป็นผู้ที่ไม่อ่อนน้อมต่อธรรม ...เขาด่า ด่าตอบ ไม่อ่อนน้อมต่อธรรม เขามีอารมณ์ก็มีอารมณ์ตอบไป เป็นผู้ไม่อ่อนน้อมนะ

โอ้ย พระพุทธเจ้านี่ท่านละเอียดถี่ถ้วนในธรรมทั้งหลายทั้งปวงเลย ...ทุกอย่างเป็นธรรมตามจริงที่ปรากฏ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

ท่านรับรู้รับทราบทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเคารพในธรรม ไม่หือไม่อือ ไม่ก้าวร้าว ไม่ล่วงเกินออกไปแม้แต่กระเบียดนึง อณูนึง ... นี่ ควรไหมที่ว่าน่ายกย่องสรรเสริญ

เห็นมั้ย ถึงเป็นที่ว่า...ควรแก่การอัญชุลี ที่ว่าสามีจิปฏิปันโน สามีจิกรรม ควรแก่การสามีจิกรรม ควรค่าแก่การบูชา ...มันจะไม่ควรได้อย่างไร

ก็เป็นของหายากยิ่งในโลก...สำหรับผู้ที่ฝึกอบรม กายใจได้ถึงขั้นนั้น ...ท่านถึงว่าควรแก่การทำสามีจิกรรม เรียกว่าสามีจิปฏิปันโน ญายปฏิปันโน สุปฏิปันโน

อย่ามัวแต่ไปวิ่งไล่ค้นหาความถูกความผิดของใครเลย อย่าแม้กระทั่งหาความถูกความผิดของตัวเองเลย ...มองเห็นทุกอย่างเป็นธรรมที่ปรากฏตามจริงแค่นั้นแหละ

แล้วก็สงบ รู้อยู่เห็นอยู่ ถือว่าเคารพธรรม นี่ จะเข้าใจธรรมมากขึ้น ไม่ไปผิดไปเถียงกับธรรม...ด้วยอำนาจความไม่รู้ ไม่ไปต่อกรกับมัน ไม่ไปต่อต้านมัน 

เรียกว่าไม่ไปล่วงล้ำก้ำเกินเขา ...ไม่ว่าอะไร ไม่ว่าขันธ์ใน ไม่ว่าขันธ์นอก ไม่ว่าสรรพสิ่งทั้งมีวิญญาณครอง ทั้งไม่มีวิญญาณครอง

ก็เป็นผู้ที่หลุดพ้นจากธรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยสิ้นเชิง นี่ จึงจะหลุด จึงจะเล็ดลอดออกจากโลกแห่งวัฏฏะ ความหมุนวนไม่จบไม่สิ้นนี้ได้

รักษาใจตัวเองนั่นแหละ..ด้วยสติ ดำรงใจเจ้าของนั้น..ด้วยสมาธิ  สังเกตการเข้าการออก..ด้วยความถี่ถ้วน ด้วยปัญญา แค่นั้นเอง นี่คือหัวใจของศาสนา

นี่เป็นหลัก เป็นหัวใจ  เป็นแก่น เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าแนะนำ อุตส่าห์ตรัสรู้มาก็เพื่องานนี้โดยตรง ...นอกนั้นก็เป็นธรรมรองไป สำหรับคนที่ไม่มุ่งมั่นในการหลุดพ้นโดยตรง

แต่ถ้าเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นโดยตรง ก็ทำงานนี้งานเดียวเท่านั้นแหละ ก็จะเป็นไปสู่ความวิมุติหลุดพ้นได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ...พระพุทธเจ้าการันตี ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

แต่ถ้าขี้เกียจขี้คร้านเป็นพวกลักปิดลักเปิดก็ตามธรรม ...ผู้ทำ ผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมมั้ย ถ้าสมควรแก่ธรรมก็เป็นไปตามธรรม ถ้าไม่สมควรแก่ธรรมก็ไม่เป็นไปตามธรรม

มันก็เป็นเหตุเป็นผลกันดีอยู่แล้ว ...ปฏิบัติน้อย ขี้เกียจมาก  หลงมาก รู้น้อย  นอนมาก ตื่นน้อย...ไม่มีทาง ใช่มั้ย มันก็เป็นไปตามสมควรแก่ธรรมที่ปฏิบัติอย่างไร ก็ได้ธรรมนั้นน่ะ

รู้มาก หลงน้อย  ตื่นมาก หลับน้อย ก็สมควรแก่ธรรม...คือความแจ้ง สว่าง สะอาด สงบ บริสุทธิ์ หลุดพ้น ...นี่ สมควรแก่ธรรม ผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมย่อมคุ้มครองด้วยธรรมนั้นๆ ไปเอง ...ไม่ต้องอ้อนวอนร้องขอกับใครเลย

ปัจจัตตัง เวทิตตัพโพ วิญญูหิติ ท่านบอกว่าถ้าทำจริง รู้จริง เห็นจริง ก็ได้ผลจริง  ท่านเชื้อเชิญนะ การปฏิบัติท่านไม่ได้บังคับข่มขู่ ไม่ได้บอกว่าให้เชื่อแล้วจะได้ผลนะ ...ท่านบอกให้ลองทำดูสิ จะได้ผลนะ

นี่ สันทิฏฐิโก รู้เองเห็นเองนะ เอหิปัสสิโก ท่านเชื้อเชิญเข้ามา โอปนยิโก ด้วยการน้อมนำมาปฏิบัติด้วยตัวเอง ด้วยสันทิฏฐิโก โลกวิทูเกิดเอง แจ้งเอง ...ไม่ต้องมีใครบอกว่า เฮ้ย แจ้งแล้วนะ เฮ้ย ยังไม่แจ้งนะ

แต่เดี๋ยวนี้มันต้องมีคนบอกก่อนถึงจะเชื่อ ไอ้นี่ยังไม่แจ้ง ไอ้นี่แจ้งแล้ว ไอ้นี่ไม่เป็น ไอ้นี่เป็น นี่มีฤทธิ์ด้วย ...ใจมันเชื่อเลย แล้วก็วิ่งไล่ตามหาอรหันต์ข้างนอกจนขาขวิด จะไปขอแบ่งบารมีท่านมามั่ง เผื่อจะได้สำเร็จเร็วขึ้น

เออ ก็เอาจนใจตัวเองน่ะไม่หัน ไม่เห ...นั่นล่ะ อรหันต์ ...คือไม่หันแล้ว ซ้ายก็ไม่หัน ขวาก็ไม่หัน หน้าก็ไม่หัน บนก็ไม่หัน ล่างก็ไม่หัน ไม่หันหน้าหันหลังน่ะ นั่นน่ะอรหันต์ 

ทำตัวเองให้เป็นอรหันต์สิ ...มัวแต่ไปหันหน้าหันหลังกับอะไรก็ไม่รู้ หานั่นหานี่ ดูนั่นดูนี่ เคารพองค์นั้น ไปหาธรรมอันนั้น หาธรรมที่นี้ หาธรรมจากองค์นั้น หาธรรมจากองค์นี้

มันกินนอนอยู่บนก้อนธาตุก้อนธรรม แต่มัวไปเอาธรรมสัพเพเหระมา ...มันเสียเวลา

ยืน..อยู่ที่ใจ เดิน..อยู่ที่ใจ นั่ง..อยู่ที่ใจ คิด..อยู่ที่ใจ สุข-ทุกข์..อยู่ที่ใจ ...นั่นแหละ เดี๋ยวก็หายหันเองแหละ เมื่อเป็นหายหันก็...อ-ร-หันต์แล้ว ไม่หันหน้าหันหลังแล้ว ไม่หันซ้ายหันขวา

แน่วแน่อยู่ภายในใจดวงเดียวนี่ ...บริสุทธิ์พุทโธ พุทธะพุทโธก็อยู่ตรงนี้...อยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่อื่นน่ะ ไม่ได้อยู่ที่เขาไหน ป่าไหน ถ้ำไหนหรอก 

อยู่ในใจของผู้มีสติสัมปชัญญะ สมาธิ ปัญญา ที่เต็มเปี่ยมอยู่ในที่อันเดียวนี้แหละ ...จิตพุทโธ จิตตื่น สะอาด สว่าง สงบ ก็อยู่ภายในนี้แหละ ...ทุกคนมีทุกคน

หมั่นขยัน สอบทานใจอยู่เสมอ ...วัดใจ กลับมาวัดใจ  มีอะไรเกิดขึ้นก็วัด เข้าวัด เข้ามาวัดใจ เข้าวัดบ่อยๆ นี่เรียกว่าเข้าวัดๆ ...ถ้าเข้าวัดแล้วนี่ เข้าวัดบ่อยๆ เดี๋ยวเขาจับบวชเลย โกนหัวอยู่ข้างในนี่ 

เข้าวัดแล้ว  เข้าไปวัดที่ใจแล้วนี่ โดนจับบวชเลย ...นี่เป็นพระเลย ไม่ต้องไปบวชโกนหัวข้างนอก ห่มขาวห่มเหลืองไม่ต้องแล้ว

วัด เข้าวัดบ่อยๆ วัดอยู่นี่..วัดใจ ...ถ้าเข้าวัดก็ใกล้ชิดวัด เดี๋ยวก็กินนอนอยู่ในวัด กินนอนอยู่ในวัดนี่เสร็จแน่ จับบวชกลายเป็นสงฆ์...กลายเป็นสงฆ์ไปโดยปริยาย ...นี่วัด นี่สงฆ์ นี่แหละสังฆะที่แท้จริง

ไอ้นี่ตัวปลอม ที่เห็นนี่ตัวปลอมนะ แปลงร่างอยู่ ตอนนี้แปลงร่างอยู่ แปลงร่างเป็นชายบ้าง แปลงร่างเป็นหญิงบ้าง มันแปลงร่าง ...แต่ข้างในเป็นอะไรไม่รู้เลย

ต่างคนต่างเข้าวัดวาซะบ้าง อย่ามามัวแต่วิ่งหาวัดข้างนอก หาพระข้างนอก ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่นะพระข้างนอก ...เข้าซะเอง บวชซะเอง เป็นพระซะเองเลย  นั่นแหละ เนกขัมมะใจ

ก็เป็นใจที่เป็นเนกขัมมะ ไม่ต้องมีอุปัชฌาย์ก็บวชได้ ไม่ตายหรอก ไม่ผิดกฎ ไม่โดนตำรวจจับข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระ ...เพราะมันอยู่ข้างในไม่มีใครเห็น (หัวเราะ)

ถ้าเข้าวัดอยู่เสมอนี่ อย่าออกนอกเขตวัด ...ตัจจะปริยันโต ถือหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบนี่ เป็นพัทธสีมา เป็นขอบเขต อาณาเขตของวัด โดยรวมก็เป็นโบสถ์ เนื้อหนังกระดูก เสาโบสถ์เสาวิหารนะ

แต่นี่มันไม่ค่อยดูแลรักษาเลย ชำรุด มัวแต่ไปดูแลรักษาคนอื่น หนังคนอื่น กระดูกคนอื่น กังวลแต่เรื่องคนอื่น ...วัดวาอารามทรุดโทรมเศร้าหมอง หยากไย่ใยแมงมุมเกาะเต็มไปหมด 

มันไม่ค่อยสะอาดเลยน่ะ ...กายก็ไม่สะอาด ใจก็ไม่สะอาด ...นั่น เพราะมันออกนอกวัดนอกวา ไปร่อนเร่พเนจรในที่อโคจร ที่ไม่ควรไป มันไปหมด

เพราะนั้น แต่ละคนนี่มีวัด ก็อยู่ในวัดบ่อยๆ จากนั้นก็จะถูกค่อยๆ ปลงผมตัวเองไปเรื่อยๆ คือปลงจิตที่มันคิด จิตที่มันหมาย จิตที่มันทะเยอทะยานออกไป นอกกายนอกใจ ...นี่ก็จะกลายเป็นนักบวชโดยปริยาย

บวชกิเลสออกไป โกนกิเลสออกไป โกนความปรุงแต่งออกไป นั่นแหละโกนมันออกไป จนมันเกลี้ยงเกลา ใจก็เกลี้ยง วัดก็สะอาด กายใจก็สะอาดบริสุทธิ์ วิสุทธิ เป็นวิสุทธิธาตุ วิสุทธิธรรม เป็นวิสุทธิจิต

วัดวาก็ศักดิ์สิทธิ์ ...วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ สะอาด ใครก็อยากมาเยี่ยมชม ใช่มั้ย แห่แหนกันมา ไม่ใช่มาขอหวยนะ มาขอธรรม มันเป็นอย่างนั้น ...วัดก็ศักดิ์สิทธิ์ ศาสนาก็เจริญรุ่งเรือง ใช่ป่าว

เดี๋ยวนี้วัดมันน้อย พระก็น้อย มันเลยแย่ลง ...มัวแต่ไปสร้างวัดข้างนอกซะเยอะ เต็มไปหมดสำนักนี่ บวชกันเข้าไป บวชเอาเยอะเอาปริมาณเข้าว่า นี่คือมันบวชข้างนอกนะ เป็นแสนๆ องค์เข้าไปแล้วพระนี่ 

แต่กราบได้สักกี่องค์ก็ไม่รู้นะ วัดบางวัดเข้าไปก็เหมือนกับซ่องโจร อะไรอย่างนั้นรึเปล่า วัดเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้น พระอยู่ข้างในวัดนี่ไปดูเอาเถอะ ไม่ได้ต่างจากชาวบ้านเลย มันเป็นไปอย่างนี้ ยิ่งในเมืองน่ะ

เพราะนั้นเมื่อเราเข้าใจดีแล้ว เราก็สร้างวัดขึ้นเยอะๆ ทุกคนต่างสร้างวัด ...แรกๆ ก็สร้างเป็นอาราม เป็นสำนักสงฆ์ แล้วก็ลงปักหลักขอบเขตพัทธสีมาให้แน่นหนาถาวร 

ก็เป็นวัดวาอาราม เป็นธรณีสงฆ์ เป็นสมบัติสงฆ์ไปโดยปริยาย ...ทำไมถึงเรียกว่าสมบัติสงฆ์ เพราะว่าสมบัติสงฆ์นี่โลกไม่เอา โลกเอาคืนไม่ได้ 

ธรณีสงฆ์ นี่คือขาดออกจากขอบเขตขันธสีมาของราชอาณาจักรคือโลก ...ถ้าเป็นธรณีสงฆ์แล้วนี่ ยังไงๆ เอาคืนไม่ได้แล้ว ...นั่นน่ะวัดที่แท้จริง

เพราะนั้นจะเริ่มสร้างวัด ก็ต้องเริ่มวัดใจตัวเองบ่อยๆ ...อยู่ในกายใจนี้แหละ ทำความสะอาดสะอ้าน ชำระ ให้เหลือแต่ธรรมล้วนๆ นั่นน่ะคือความสะอาด

ธรรมใดที่ปรุงแต่งมาก็เหมือนหยากไย่ใยแมงมุม ฝุ่นละออง คือธรรมที่ปรุงแต่งขึ้นมาจากความไม่รู้ ด้วยความอยากและไม่อยากเป็นที่ตั้ง ด้วยความหมายไปในสิ่งที่จะได้ ผลที่จะได้รับมา ...นี่คืออุปาทาน

นี่ ก็ชำระขัดเกลาหยากไย่ใยแมงมุมที่เกิดมาจากตัณหาอุปาทาน ที่รุงรังๆ มันก็สะอาดผ่องใส น่าดู น่าชม ไม่มีใครดูใครชม ชมเองก็ได้ ไม่ต้องไปเรียกให้คนอื่นเขามาชมหรอก 

ดูวัดตัวเองสะอาด สบาย พอแล้ว ...แม้ใครจะด่า จะไม่ชม ก็รู้เองน่ะ กูขัดอยู่ทุกวัน ทำไมกูจะไม่รู้ หยากไย่สักอันก็ไม่มี จนไม่มีฝุ่นละอองเกาะติดได้เลย นี่สมบูรณ์ ภายนอกภายใน ทีนี้ก็สบาย นะ

ถ้าในโลกนี้มีหลายวัดหลายวาอย่างนี้ แล้วในวัดนั่นมีพระสงฆ์อยู่หนึ่งองค์เป็นเจ้าอาวาส เป็นทั้งลูกวัดเป็นทั้งเจ้าวัดอยู่แล้วนี่ มีหรือโลกมันจะไม่สงบร่มเย็น เป็นวัด เป็นพระอยู่ภายในทุกวัดประจำวัด

เดี๋ยวนี้วัดหรือพระอย่างนี้ก็น้อยลงๆ จนจะนับตัวนับตน นับวัดวาอารามได้ ...แล้วต่อไปก็จะยิ่งน้อยลงๆ   ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรน่ะ จนหมดจนสิ้นไป 

ไม่เกินห้าพันปีก็หมด ...วัดก็พัง พระก็ตายหายจากหมด เข้าคืนสู่อนันตมหาสุญญตาหมด

อย่าประมาท มัวเมา เสียเวลา ...รักษาใจไว้ให้มากยิ่งดี มากเท่าไหร่ก็ใกล้ทางมากขึ้นเท่านั้น ใกล้ผลมากขึ้นเท่านั้น 

ถ้าหลงเผลอเพลินเมื่อไหร่ก็เสียเวลา ...เสียลมหายใจเข้าออก ที่มันล่วงไปลับไป เอาคืนไม่ได้



……………………..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น