วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แทร็ก 6/23



พระอาจารย์
6/23 (550106A)
6 มกราคม 2555


พระอาจารย์ –  อย่าไปหูเบา ใจต้องหนักแน่น มั่นคง ...จะตายก็ตายไปพร้อมกับใจที่มันหนักแน่น อย่าไปหูเบา ใจเบา ใจอ่อน ใจล้ม ใจลุก ...ให้ใจมันตั้งมั่น

ไม่อย่างนั้นมันจะถูกความคิด ความเห็น คำพูด การปรุง การแต่งในโลกนี่ ที่เสกสรรกันทั้งนั้นลมปาก ...แค่ลมปากมนุษย์ ทำให้หวั่นไหวสั่นสะเทือนทั่วโลกทั้งโลกเลย กับคำพูดไม่กี่ประโยค

นี่แสดงถึงอะไร ...มันแสดงถึงวุฒิภาวะของสัตว์ ...โง่  หลงตามลม หลงลม...ลมปากนี่ลม มันหลงลม แล้วก็เอามาทะเลาะเบาะแว้งหาถูกหาผิดกัน ...ถูกแล้วทำไม ผิดแล้วทำไม หือ ไปนิพพานได้รึเปล่า 

ถ้าถูกแล้วไปนิพพานได้ ผิดแล้วไปนิพพานได้...ก็ไป ก็คิดเข้าไปเหอะ …แต่นี่มันไปไม่ได้น่ะ ไปไม่ได้แล้วยังไปคร่ำเคร่งเอาจริงเอาจัง นั่นแหละเขาเรียกว่าโง่ หลง บ้า เมา เรียกได้หมด

พอมาอยู่คนเดียวก็หลงอดีต อยู่ในป่าก็หลงตัวเองอีก อือ บ้าไปอีกแบบหนึ่งนักภาวนานี่ ...หลังจากบ้าลมบ้าแล้ง แล้วมาอยู่กับตัวเองก็หลงตัวเอง

“กูจะทำยังไง กูจะดียังไง กูจะถูกยังไง กูจะเอายังไงดี จะภาวนายังไง” เนี่ย มาหลงตัวเองต่อ ไปมาไม่ถูก มันมืดแปดด้านสิบหกด้าน ...มันมืดบอด

ไม่รู้ที่ไป ไม่รู้ที่มา ไม่รู้จะไป ไม่รู้จะมา ไม่รู้จะทำอะไร ทำแล้วจะได้ไหม จะไม่ได้รึเปล่า ...ลังเลสงสัยไปหมด ...มืด มันไม่แจ้ง มันไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่แจ้ง ไม่แจ้งก็มืด

ใจก็มืดบอด ถูกปกปิดห่อหุ้มด้วยราคะ ตัณหา โมหะ มะงุมมะงาหราอยู่ในเงามืด ตะคุ่มๆ ไป ตะเกียกตะกายกันไป ...ภาวนาเหมือนตะเกียกตะกาย หาความชัดแจนไม่ได้

ก็บอกว่าต้องอยู่ในมรรค สติสมาธิปัญญา ศีลสมาธิปัญญา เป็นเครื่องไม้เครื่องมือทำให้จิตใจมันแจ้งสว่างขึ้น ตั้งมั่นขึ้น แจ้งขึ้น สว่างขึ้น ชัดเจนขึ้น

ไม่ต้องไปชัดเจนว่า สิ่งที่ใครพูดน่ะ มันจริงหรือไม่จริง นี่ ไม่จำเป็นต้องไปชัด ...ให้ชัดเจนอยู่ด้วยกายใจของใครของมัน นั่นน่ะ ศีลสมาธิปัญญาเป็นไปเพื่อการนี้

อย่าไปหลงมัวเมาออกไปนอกกายนอกใจ นอกนั้นไม่ต้องไปใส่ใจ เรื่องราวความเป็นไปในโลก ...เพราะโลกมันอยู่ด้วยความปรุงแต่ง นิดๆ หน่อยๆ มันก็เปลี่ยน  

มีอะไรมาแต้มแต่งหน่อยมันก็เปลี่ยน หาความแน่นอน คงทน คงที่ไม่มี จนแม้กระทั่งความจริงที่สุดของมันก็ไม่มี  เพราะมันเป็นของหลอกลวง ไม่มีสาระใดๆ หรอก

เพราะนั้นศีลสมาธิปัญญานี่ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญของนักภาวนา ...อย่าให้มันห่างกายห่างใจออกไป ถ้าห่างกายห่างใจออกไปเมื่อไหร่ก็แปลว่า ศีลมันบกพร่อง กายวาจาใจบกพร่อง 

ถ้าศีลบกพร่อง สติสมาธิก็บกพร่อง แล้วมันจะเอาปัญญามาจากไหน ...เนี่ย จะมีความรู้มากมายมหาศาลขนาดไหน จะเดินข้ามจักรวาลไป อีกจักรวาลหนึ่ง แล้วก็กระโดดข้ามไปอีกจักรวาลหนึ่ง 

จะมีความรู้ความเห็นประหลาดมหัศจรรย์ เห็นอะไรต่างๆ ในโลกกว้างมากมาย...ก็มีค่าเท่ากับศูนย์ สูญเปล่า ไม่มีประโยชน์ 

กลับมารู้แจ้งอยู่ภายใน ถือว่าเป็นความรู้อันประเสริฐ เป็นความรู้ยิ่ง รู้จริงรู้ยิ่ง ...นี่เรียกว่าญาณทัสสนะ รู้จริงรู้ยิ่งในกาย รู้จริงรู้ยิ่งในจิต รู้จริงรู้ยิ่งในใจ รู้จริงรู้ยิ่งในขันธ์ทั้งห้า


(ต่อแทร็ก 6/24)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น